ปีนี้ผมได้ไปไหว้เชงเม้งเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี เนื่องจากญาติ ๆ ผม เค้าไม่ได้แวะมารับคนที่บ้านผม เหมือนเช่นในสมัยก่อน ปัจจุบันต่างคนต่างไป และไปนัดเจอกันที่สุสานเลย ที่บ้านผมในตอนแรกก็ขับรถที่บ้านไปกัน (ผมไม่ได้ไปด้วย เพราะคนนั่งเต็มล่ะ) แต่ 2-3 ปี มานี่ รถที่บ้านผมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ขับไปไม่เท่าไหร่ ขับกลับมาเสร็จ ส่งอู่ทันที ฮือ ๆ บวกกับญาติผมผู้เป็นคนขับมีอายุที่มากขึ้น สายตาฝ้าฟาง เป็นอุปสรรคในการขับรถ ทางบ้านผมจึงลงความเห็นว่า การจ้างรถตู้ไปน่าจะดีกว่า
ปีนี้พิเศษตรงที่่ อาอี้ผมบอกว่า ไหน ๆ ก็จ้างรถตู้ไปล่ะ ไหว้เสร็จเวลาเหลือเยอะ แวะเที่ยวกันสักหน่อยดีกว่า ซึ่งผมก็เห็นด้วย เพราะว่าไหน ๆ เราก็จ้างเหมารถตู้ทั้งวันแล้วนิ ซึ่งผมก็รับอาสาหาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ ๆ ให้ เพราะไม่ได้ไปค้างคืน เที่ยวเสร็จก็กลับบ้าน เรื่องรถตูู้พ่อผมเป็นธุระให้ เนื่องจากว่า คนแถวบ้านพ่อผม แกเป็นคนขับรถตู้ และพ่อผมก็เคยใช้บริการอยู่ครั้งหนึ่ง แกจึงมาชวนพ่อผมอยู่บ่อย ๆ แต่พ่อผมก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหน จึงปฏิเสธแกไป พอครั้งนี้มีโอกาส จึงใช้บริการแก (พ่อผมอยู่แถวพระราม 2 ส่วนตัวผมอยู่ปิ่นเกล้า พ่อแม่ผม ไม่ได้หย่ากัน หรือเลิกกันนะครับ เนื่องจากตัวผมคิดว่าการอยู่ปิ่นเกล้าจะสะดวกต่อการไปไหนมาไหนมากกว่าพระราม 2 ผมจึงมาอยู่ที่ปิ่นเกล้า แม่ผมก็เป็นห่วงลูก ๆ จึงตามมาอยู่ปิ่นเกล้าด้วย ส่วนพ่อผมก็อยู่พระราม 2 ต่อไป)
อาอี้ผมอยากไปเที่ยวนครนายก ซึ่งผมก็ได้ Search ใน อากู๋ ก็เห็นว่ามีทางที่จะสามารถไปได้จากสระบุรี ไปถึง นครนายก แค่ 60 กิโล (ผมลืมบอกไป สุสานของบรรพบุรุษผม อยู่ที่่ สระบุรี) ซึ่งที่ นครนายก ผมก็เคยไปมาแล้ว สถานที่เที่ยวก็อยู่ใกล้ ๆ กัน ผมว่าถ้าไป นครนายก ก็สะดวกดี จะได้พาเที่ยวได้ถูก ขากลับจากนครนายกมาถึงกรุงเทพ ก็ไม่ไกล น่าจะพอดีกับเวลาที่ได้จัดเตรียมไว้
และแล้ววันที่จะไปไหว้เชงเม้งก็มาถึง ทางบ้านผมก็ได้ตื่นกันแต่เช้า อาบน้ำ แต่งตัวรอ เพราะพ่อผมบอกว่า รถน่าจะมาถึงบ้านผมที่ปิ่นเกล้า ประมาณ 7 โมงเช้า บ้านผมตอนเช้า อาบน้ำ แต่งตัวกัน ด้วยความฉุกละหุก ยังไม่ถึง 7 โมงเช้า ก็ได้ลงมารอกันที่ข้างล่างอย่างพร้อมเพรียงกัน 7 โมง 15 ก็แล้ว 7 โมงครึ่ง ก็ได้ ยังไม่มีวี่แววว่ารถตู้ที่พ่อผมนั่งจะมาถึง ผมก็ได้โทรสอบถามไปยังพ่อผมว่า จะถึงแล้วหรือยัง พ่อผมบอกว่า ใกล้ล่ะอีกนิดเดียว สรุปกว่ารถตู้จะมาถึงบ้านผมก็ประมาณ 8 โมงเช้าพอดี เวลาเลยไป 1 ชั่วโมง T T
หลังจากได้ขึ้นรถตู้แล้ว ก็ได้สอบถามกันว่า ทำไมมาสายจัง ซึ่งพ่อผมก็บอกว่า คนขับหลงทาง เนื่องจากแกไม่ชินทาง ผมเห็นว่าไม่แปลก การที่คนอยู่รอบนอกจะเข้ามาในเมือง หลงทางบ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งผมเคยจ้างรถตู้ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อน ๆ คนขับบ้านอยู่แถวสวนหลวง ร๊.9 ขับมาปิ่นเกล้า แกก็หลงทางเช่นกัน เพราะแกบอกว่า ไม่ชินเส้นทางในเมืองสักเท่าไหร่
ผมเห็นว่าเวลาเลยมาตั้ง 1 ชั่วโมง ขาไปผมเลยแนะนำให้คนขับ ๆ ขึ้นทางด่วน ศรีรัช เพื่อจะไปลงที่่ จตุจักร และออกไปทางดอนเมือง จะประหยัดเวลาได้มากกว่า ลุงคนขับบอกว่า ได้ แต่แกขับไปทางด่วนศรีรัชไม่ถูก ผมเลยบอกทางแก
ผมได้แจ้งลุงคนขับรถตอนอยู่บนทางด่วนศรีรัชแล้วว่า หลังจากลงจากทางด่วน ผมก็ไม่คุ้นชินเส้นทางล่ะ หลังจากลงจากทางด่วน เข้าสู่สวนจตุจักร ลุงแกก็ถามทางผมบ่อย ๆ ซึ่งผมก็ไม่มั่นใจ แต่ก็ช่วยแกดู จนแกขับวนอยู่แถวสวนจตุจักรอยู่ 15 นาที จนผมเริ่มเอะใจ จึงได้สอบถามลุงคนขับว่า ก่อนที่ลุงจะมาขับรถตู้ (เป็นรถตู้รับส่งนักเรียน) แกเคยทำอาชีพอะไรมาก่อน ลุงแกบอกว่า แกเคยมีอาชีพขับรถเมล์สาย 37 มาก่อน ขับอยู่ร่วม 30 ปี หลังเกษียณจึงมาทำอาชีพขับรถรับส่งเด็กนักเรียน และแกก็ขับเฉพาะหมู่บ้านกับโรงเรียนเท่านั้น ไม่ได้ขับไปที่อื่นเลย ผมจึงถึงบางอ้อ ทันที
หลังจากหลุดออกจากจตุจักรได้ คราวนี้ลุงคนขับแกบอกว่ารู้ทางล่ะว่าจะไป สระบุรี ยังไง ผมนี่น้ำตาแทบไหล 555 ขับมาจนถึงสระบุรี ผมได้แวะที่ปั๊มน้ำมันที่ห่างจากทางเข้าสุสานไม่ไกลเท่าไหร่ ที่นี่ผมได้แวะทานข้าวเช้ากัน
คณะผมไปถึงที่สุสาน เวลาก็ล่วงไป 11 โมงล่ะ ซึ่งคณะผมไปถึงสุสานช้ากว่าญาติ ๆ ผู้ใหญ่ ท่านอื่น ๆ ช่วง 11 โมง อากาศกำลังเริ่มร้อนได้ที่ การไปไหว้เชงเม้งก่อนคนอื่นก็ดีเหมือนกัน เพราะว่า ช่วงที่ผมไปแทบไม่มีคนมาไหว้เลย มีเต็มที่ก็ไม่เกิน 10 สุสาน รถก็ไม่ติด เดินทางเข้า ออก ค่อนข้างสบาย ผมจำได้ว่า สมัย 10 ปีก่อนที่ผมเคยไป มีปีหนึ่งผมไปช่วงปลายเดือน มีนาคม คนค่อนข้างเยอะ รถทางเข้า ออก ก็ค่อนข้างติด เปรียบเทียบกันแล้วไปชอบแบบคนน้อย ๆ มากกว่า
ภาพบรรยากาศภายในสุสาน
ยังไม่มีคนมาไหว้เลย ดีจัง
ผมใช้เวลาในการไหว้ 2 ที่่ ในสุสานแห่งนี้ (สุสานของ อาม่า อากง กับ สุสานของ อากู๋ อากิม ผม อยู่ที่เดียวกัน) ประมาณ 1.30 ชั่วโมง ผมออกจากสุสานประมาณ เที่ยงครึ่ง เป้าหมายต่อไป ตามกำหนดของผมคือ นครนายก ผมได้ทำการสอบถามกับลุงคนขับรถว่าจะไป นครนายก ลุงคนขับบอกว่า นครนายก อยู่ไกล ให้เที่ยวแถวสระบุรีจะดีกว่า ลุงคนขับแนะนำว่า ถ้าจะไปเที่ยวเขื่อนที่นครนายก (เขื่อนขุนด่านปราการชล) ให้เที่ยวที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ดีกว่า อยู่ใกล้ ๆ ด้วย เลยตัวเมืองสระบุรีไปไม่ไกล แกเคยมา ซึ่งผมก็เห็นว่า ลุงคนขับ เคยมา ก็โอเค แกน่าจะชำนาญกว่าผม เพราะผมก็ยังไม่เคยมา จึงตกลงไปเที่ยวกันที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
ผมนั่งรถตู้เลยตัวเมืองสระบุรีมาได้หน่อย ลุงคนขับบอกว่า มันน่าจะอยู่แถวนี้นีน่า ผมจำได้ลาง ๆ ว่า เคยอ่านในหนังสือ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อยู่ใน จ.ลพบุรี ทำไมลุงแกถึงบอกว่า อยู่แถวตัวเมืองสระบุรี ผมได้ถามแกว่า ลุงเคยมานานแล้วหรือยัง ลุงแกตอบกลับมาว่า เคยมาเมื่อ 10 กว่าปีก่อน อืม...... 10 กว่าปีก่อน ผมได้แต่ทวนในใจ
กว่าจะมาถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ก็ปาเข้าไปบ่าย 2 โมงเศษ การมาก็ไม่ยากครับ ผมเปิด Google Map มาตลอดทาง บรรยากาศช่วงต้นเดือน มีนาคม ถึงแม้จะยังไม่ร้อนมากมายเหมือนเดือน เมษายน แต่ผมก็คิดว่า มันโคตะระร้อนเลย ร้อนซะผมจะละลาย Plan ที่วางไว้ว่า มาถึงเขื่อนจะพาที่บ้านนั่งรถรางเที่ยวรอบเขื่อนซะหน่อย กลับกลายเป็นโปรแกรมหายไปกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว 555
ด้วยอากาศที่ค่อนข้างร้อน ทางบ้านผมจึงแวะเที่ยวสักพัก ก็อยากกลับบ้านกันล่ะ สรุป นั่งรถมาตั้งนาน มาถึงแค่ครึ่งชั่วโมง ก็กลับล่ะ ขากลับจาก ลพบุรี มาถึง แถบชานเมือง ลุงคนขับ ไม่มีปัญหาครับ แต่มามีปัญหาตอนที่เข้าเมือง ขากลับคณะผมก็ยังไปหลงทางกันบนทางด่วน สืบเนื่องจากว่า ผมต้องการให้ลุงคนขับ กลับทางเดิม คือ ทางด่วนศรีรัช แต่ลุงแกไม่ชำนาญ กลัวจะหลงแบบขามาอีก ลุงแกเลยบอกว่า เดี๋ยวไปขึ้นทางด่วนตรงดินแดง และหาทางย้อนมาตรงทางด่วนศรีรัช ทางด่วนมันน่าจะเชื่อมกัน ผมก็ตกลงตามที่แกบอก ผลสรุปคือ ทางด่วนไม่ได้เชื่อมกัน ต้องลงแถวจตุจักรก่อน ค่อยต่อขึ้นทางด่วนศรีรัช ซึ่งผมก็ไม่ได้ลงที่ จตุจักร กัน ขับตามทางกันไป กว่าจะหาทางกลับบ้านกันได้ ก็เหนื่อยกันน่าดู โดยรวมทริปนี้ก็สนุกดีครับ ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น