วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2560

รีวิว เกาะสีชัง ตอนที่ 1


รีวิว เกาะสีชัง


          ช่วงวันหยุดวันเฉลิมพระชนมพรรษา ของรัชกาลที่ 10 ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวติดต่อกัน 3 วัน ผมและน้องชายได้มีโอกาสไปเที่ยว "เกาะสีชัง" แต่ทริปนี้คนไปกันค่อนข้างน้อย พวกผมไปกันแค่ 3 คน นับว่าน้อยที่สุดตั้งแต่ผมไปเที่ยวต่างจังหวัดมา T T

          พวกผมคนไปกันน้อย ทริปนี้จึงไม่ได้เช่ารถตู้ไป นั่งรถตู้สาธารณะไปแทนครับ ไปกัน 2 วัน 1 คืนง ผมไปขึ้นรถตู้ที่ "หมอชิต 2" ค่ารถประมาณ 150 บาท ผมไปถึงที่ หมอชิต 2 ประมาณ 9 โมงเช้า แต่รถกว่าจะมาก็ 10 โมง กว่าจะออกก็ 10.40 น. แล้วครับ

          ผมได้สอบถามกับทาง พนง.ที่ขายตั๋ว ว่า "นั่งไปนานเท่าไหร่" พนง.ขายตั๋วได้บอกว่า "ประมาณ 1.30 ชั่วโมง" แต่เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวด้วยมั้ง ทำให้แถวบางนาการจราจรค่อนข้างหนาแน่นมากครับ ผมหลับไป 2 รอบ ตื่นมาก็ยังไม่พ้นบางนาเลยครับ

          แต่หลังจากพ้นบางนามาได้ รถก็วิ่งฉิวเลย มาถึงที่ โรบินสัน ศรีราชา ก็ประมาณ 13.30 น. ได้ 

          จากโรบินสัน ศรีราชา นั่งรถสามล้อต่อมายังท่าเรืออีกประมาณ 80 บาท ต่อคัน (ช่วงที่ผมไป ท่าเรือเกาะลอยกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุง ต้องมาขึ้นอีกท่าเรือหนึ่ง)



          ค่าเรือไปเกาะสีชัง จะอยู่ที่ 50 บาท (ไป - กลับ ราคาเท่ากัน) นั่งเรือจากฝั่งไปยังเกาะสีชัง ประมาณ 50 นาที หลังจากขึ้นจากเรือแล้ว ผมได้โทรให้รถทางโรงแรมที่ผมไปพักมารับไปยัง โรงแรมที่พัก

          ผมพักที่ "โรงแรมสีชัง พาเลซ"

บริเวณหน้าโรงแรมในยามค่ำคืน

บรรยากาศภายในห้อง

บรรยากาศภายในห้อง

ห้องน้ำ

          มาถึงที่พักประมาณ 3 โมงเย็นได้แล้วครับ ถือว่าผิดจากที่ผมวางแผนเอาไว้ตอนแรก ค่อนข้างเยอะ (ผมกะว่ามาถึงทีพักประมาณเที่ยง จะได้มีเวลาเที่ยวเยอะ) ทำให้การเที่ยวรอบเกาะสีชังในวันแรกของผม ค่อนข้างจำกัดเลยทีเดียว

          โรงแรมสีชัง พาเลซ เป็นโรงแรมที่อยู่ไม่ห่างไกลจากท่าเรือมากนัก ห้องที่ผมพัก เป็นห้องแบบวิวทะเล ค่าห้องจะอยู่ที่ประมาณ 1,460 บาท ต่อ คืน จะมีห้องแบบวิวสระน้ำของโรงแรมด้วยเช่นกัน ราคาจะอยู่ที่ 1,260 บาท ต่อ คืน แต่ผมนาน ๆ มาเที่ยวทะเลที ขอเลือกแบบวิวทะเลดีกว่า อิอิ

          ตัวโรงแรมค่อนข้างเก่าหน่อยครับ มีกี่ชั้นผมไม่แน่ใจ แต่ผมได้ห้องพักชั้น 2 โรงแรมไม่มีลิฟต์นะครับ เท่าที่ผมสังเกตุ (หรืออาจจะมีก็ได้ครับ) ช่วงที่ผมไปคนพักค่อนข้างน้อย สอบถามได้ความว่า มีพักอยู่ประมาณ 7-8 ห้อง

          หลังจากที่ผมไปถึง ก็ได้เช่ารถมอเตอร์ไซด์กับทางโรงแรม (ราคาเช่ามอเตอร์ไซด์ของเกาะสีชัง จะเป็นมาตราฐานทุกทีครับ คือ วันล่ะ 300 บาท แต่ผมเห็นมีแบบเช่าเป็นรายครึ่งวันด้วยนะครับ ราคาก็จะลดหลั่นกันลงมา สามารถหาเช่าได้ที่ท่าเรือครับ แต่ท่าเป็นบริเวณที่พัก น่าจะให้เช่าเป็นรายวันมากกว่าครับ เช่า 300 ต่อวัน รวมน้ำมันแล้วนะครับ)

          จากการเดินทางมา ทำให้พอมาถึงเกาะสีชัง ท้องก็เริ่มส่งเสียงร้องตามระยะทางที่เดินทางมาด้วย ผมได้สอบถามกับทางโรงแรมว่า มีร้านไหนบนเกาะที่อร่อยบ้าง จึงได้ความมาว่า "ร้านป้าหน่อย ริมทาง" อร่อยสุดบนเกาะ ผมจึงได้สอบถามวิธีการไปยังร้านป้าหน่อย เมื่อรู้ทางแล้ว จึงไปชิมความอร่อยกันครับ

          ร้านป้าหน่อย ริมทาง หาไม่ยากครับ อยู่ริมทาง ๆ ที่จะตรงไปยัง "พระราชวัง" ครับ

          ผมดูราคาแล้ว ค่อนข้างแพงครับ แต่น้องผมบอกว่า อาหารบนเกาะก็จะแบบนี้แหละ ซึ่งผมก็ยอมรับว่า ไม่เคยมานอนค้างหรือกินบนเกาะไหนเลยครับ นี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ

          อาหารที่ผมสั่ง จะมี กระเพราเห็ด เห็ดฟันกระต่ายทอดกระเทียม ต้มยำรวมมิตร ข้าวเปล่า 6 จาน น้ำเปล่า 1 ขวดใหญ่ และน้ำแข็ง 1 ถัง ราคาอาหารรวมออกมา ประมาณ 550 บาท กินกัน 3 คนนะครับ

          แต่ต้องยอมรับจริง ๆ ครับ ว่า ร้านป้าหน่อย ริมทาง อาหารอร่อยจริง ๆ ครับ สั่งมา 3 อย่าง อร่อยทั้ง 3 อย่างเลย เห็ดฟันกระต่ายทอดกระเทียมตอนทีจิ้มกับซอสพริก ศรีราชา เข้ากันสุด ๆ ครับ (พูดแล้วก็อยากไปกินอีกจัง)

อร่อยมาก ๆ

          เมื่อท้องอิ่มแล้ว ผมก็พร้อมที่จะตะลุยท่องเที่ยวบนเกาะแล้วครับ สถานที่แรกที่ผมไป คือ "หาดถ้ำพัง" ซึ่งเป็นหาดเดียวบนเกาะที่เล่นน้ำได้และสวยที่สุด เช่นกันครับ

          ชายหาดถ้ำพัง ถือว่าสวยมากครับ น้ำทะเลน่าเล่นมาก แต่คลื่นก็ค่อนข้างแรงเช่นกัน มีร้านค้าและเก้าอี้ริมชายหาดให้นั่ง แต่ก็ไม่ได้นำมาตั้งบนหาดทราย เป็นการจัดระเบียบได้ค่อนข้างดีครับ ช่วงที่ผมไปเป็นช่วงเย็น น้ำลด เห็นโขดหินที่ขึ้นอยู่ริมชายหาด เป็นภาพที่สวยงามและน่าประทับใจมากครับ วิวจากมุมสูง ก็สวยเช่นกัน เหมาะแก่การถ่ายรูปเป็นอย่างยิ่ง

หาดถ้ำพัง

หาดถ้ำพัง เมื่อมองจากมุมสูง
หาดถ้ำพัง

          ผมใช้เวลาอยู่ที่หาดถ้ำพัง ไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก็ขับรถไปต่อกันที่บริเวณปลายแหลมของเกาะ (น่าจะเป็นบริเวณที่ ณเดชน์ และ ญาญ่า มาถ่ายละคร) เหตุผลที่อยู่ที่หาดถ้ำพังไม่นาน ก็เพราะว่า ผมต้องรีบทำเวลาครับ เนื่องจากมาถึงที่เกาะก็เย็นแล้วครับ ที่ปลายแหลมของเกาะ มีทัศนียภาพที่สวยงามเช่นกัน (อยากปลูกบ้านไว้ตรงนั้นเลย อิอิ)





          เช่นกันครับ ผมใช้เวลาอยู่ที่ปลายแหลม ก็ไม่นานเช่นกัน ผมได้ลองขับรถไปรอบ ๆ เกาะดูครับ ผมเห็นป้ายข้างทางเขียนว่า "ปารี ฮัท" ผมเห็นภาพทางอินเตอร์เน็ท ปารี ฮัท เป็นรีสอร์ทที่ค่อนข้างหรู อาจจะหรูหราที่สุดบนเกาะก็ได้ครับ บวกกับการสร้างเป็นแบบกระท่อม ผมจึงอยากเห็นด้วยตาตนเอง ว่าเป็นอย่างไร จึงลองแวะดูครับ

          ต้องบอกเลยครับว่า ถนนทางเข้า ปารี ฮัท ค่อนข้างแย่ครับ เป็นลูกรังซ่ะเป็นส่วนใหญ่ ผมขับมอเตอร์ไซด์เข้ามา ก็กลัวยางแตกเหลือเกินครับ ได้แต่ค่อย ๆ ขับเข้ามา เมื่อมาถึง ปารี ฮัท ก็แอบหวั่น ๆ ในใจ ว่า จะสามารถเข้าไปชมรีสอร์ทได้ไหม แต่มีป้ายบอกตรงบริเวณประชาสัมพันธ์ ว่า "คนนอกที่ไม่ได้พักที่รีสอร์ท สามารถเข้ามาถ่ายรูปได้เฉพาะบริเวณประชาสัมพันธ์เท่านั้น ห้ามเข้าไปถ่ายรูปบริเวณห้องพัก"

          เมื่อเห็นป้ายแบบนี้แล้ว ผมก็โล่งใจครับ อยากเข้ามาชมอยู่แล้ว จึงเดินเข้ามาชมภายในบริเวณที่ทางรีสอร์ทกำหนดให้ ผมยอมรับว่า ปารี ฮัท เป็นรีสอร์ทที่สวยมาก ๆ เป็นรีสอร์ที่สวยที่สุด ตั้งแต่ผมไปพักมาหลายที่ อาจจะด้วยชัยภูมิที่เหมาะ คือ การสร้างรีสอร์ทอยู่บริเวณหน้าผา ทุกห้องสามารถมองเห็นทะเลได้หมด บริเวณด้านหน้าของห้อง จะมีเปลญวนไว้นอนเล่นชมวิวทะเล

ปารี ฮัท

ภายในรีสอร์ท ปารี ฮัท

วิวสวยมากจริง ๆ ครับ

วิวหลักล้าน

ห้องอาหารกับวิวหลักล้าน

          สระว่ายน้ำที่สามารถเห็นทะเลได้ บวกกับที่รับประทานอาหารที่เห็นวิวทะเล ทำให้การรับประทานอาหารเช้าหรือเย็น คงไม่อยากทานหมดเร็วเป็นแน่แท้ วิวที่เห็นแม้จะเป็นบริเวณที่รีสอร์ทกำหนด แต่กสวยงามมาก ๆ ครับ วิวหลักล้านจริง ๆ ทะเลที่มองไปได้ไกล ไม่มีเรือบรรทุกสินค้า บดบังทัศนียภาพ ช่วยยกระดับให้ ปารี ฮัท เป็นที่พักที่สวยที่สุดบนเกาะสีชัง จริง ๆ ครับ

          วิวทะเลของ ปารี ฮัท จะต่างจากบริเวณหน้าเกาะริบลับเลยครับ หน้าเกาะจะมีเรือบรรทุกสินค้า แล่นอยู่เต็มไปหมด ทำให้วิวดูแล้ว เหมือนนั่งดูรถวิ่งไปมาหน้าบ้านในกรุงเทพฯ เลยครับ

          หลังจากที่ดื่มด่ำกับวิวที่สวยงามของ ปารี ฮัท แล้ว ผมได้ขับรถต่อมาเพื่อจะกลับที่พัก แต่แล้วก็ต้องมาสะดุดที่เที่ยวอีกที่หนึ่ง นั่นคือ "ช่องเขาขาด" บนเกาะสีชัง เป็นอีกหนึ่งสถานที่บนเกาะที่สวยเช่นกัน มีทางเดินที่สะดวกและอยู่เลียบทะเล แต่น่าเสียดายที่ผมไปถึงค่อนข้างเย็นมากแล้ว ประมาณ 18.15 น. ได้แล้ว ผมจึงคิดว่า จะกลับมาใหม่อีกครั้งในวันรุ่งขึ้น จึงได้ขับรถกลับที่พัก

ช่องเขาขาด

          อาหารเย็นของผมในค่ำคืนแรก ผมก็อาศัยทางโรงแรมครับ กับ ข้าวผัดหมู ซึ่งราคาก็เหมือนกับในห้างครับ คือ 60 บาท แต่มาแพงตรงน้ำเปล่านี่แหละครับ น้ำเปล่าขวดล่ะ 20 บาท

          หลังจากทานข้าวเสร็จ เข้าห้องอาบน้ำเพื่อเตรียมพักผ่อน จะได้เที่ยวต่อในวันรุ่งขึ้นครับ

          วันที่ 2 ผมขอเป็นตอนหน้านะครับ

ท้องฟ้ายามเย็นที่สวยงามของเกาะสีชัง

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น