เกาะสีชัง
หลังจากที่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ตื่นมาเช้าวันที่ 2 กับ บรรยากาศที่สดชื่นปราศจากมลพิษ ทันทีที่ได้อาบน้ำ แปรงฟัน ล้างหน้า เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาอาหารเช้าครับ อย่างที่ผมบอกไว้ตั้งแต่ตอนที่แล้วว่า ตัวโรงแรมที่ผมพัก คนค่อนข้างน้อย เพราะมาพัก 7-8 ห้องเท่านั้น ทำให้อาหารเช้า จะเป็นแบบชุด ไม่ได้เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ (แต่ถ้ามีคนพักเกิน 15 ห้องขึ้นไป ทางโรงแรมก็จะเปิดเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ครับ)
อาหารเช้าแบบชุด จะมีให้เลือก 2 ชุดนะครับ คือแบบอเมริกัน ก็จะมีไข่ดาว 2 ฟอง แฮม ไส้กรอก และเบคอนย่าง กับแบบที่ 2 จะเป็น ข้าวต้มทะเล ครับ โดยในแต่ล่ะชุดจะมีน้ำส้มให้ 1 แก้วครับ แต่จะมีมุมขนมปังปิ้ง ไมโล กาแฟ ที่มีให้เติมแบบไม่อั้นด้วยนะครับ
อาหารเช้าแบบอเมริกัน |
ผมเลือกแบบอเมริกัน 2 ชุด และเลือกแบบข้าวต้มทะเล 2 ชุด ครับ (เนื่องจากผมไปกัน 3 คน แต่มีคูปองอาหารเช้า 4 ใบ ทำให้เกินมา 1 ใบ เลยขอสั่งอาหารเช้าเลยครับ)
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ผมก็เตรียมพร้อมที่จะไปที่แรกกันแล้ว ที่แรกที่ผมไปก็คือ "พระราชวัง ที่สร้างสมัย ร.5"
ช่วงที่ผมไป ไม่มีแดด เลยทำให้เดินกันอย่างสบายไม่ร้อน ไฮไลท์ของที่นี่ "สะพานอัษฎางค์ที่สร้างยื่นไปในทะเล" ซึ่งน้ำทะเลของที่นี่จะใสมากครับ ทำให้คิดถึงทะเลทางใต้เลย นอกจากนั้นยังมีเรือนรับรอง ที่เปลี่ยนมาเป็นร้านขายเบเกอรี่ นั่งทานไป มองวิวทะเลไป ก็ได้บรรยากาศอีกแบบครับ
ยังมีร่องรอยของฐานที่จะสร้างพระราชวัง แต่เนื่องจากมีสงครามกับฝรั่งเศสในระหว่างก่อสร้าง จึงทำให้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งให้ยกเลิกการสร้างไปเสียก่อน
ทางด้านบนของพระราชวัง ยังมีสถานที่ ๆ เป็นประวัติศาสตร์ไว้ให้ชม ให้ศึกษากันอีกด้วยครับ โดยจะมีป้ายบอกทางหรือบอกสถานที่ให้ตลอดระยะทาง ถ้าเดินขึ้นไปอีกก็จะมีจุดชมวิวให้ชมด้ว้นยครับ ถ้าท่านมีเวลา ผมแนะนำให้เดินขึ้นไปชมกันครับ ทางเดินค่อนข้างสะดวก เพราะนอกจาก จะชมสถานที่ ๆ เป็นประวัติศาสตร์แล้ว ยังได้ชมสถาปัติยกรรม อากาศก็สดชื่น และเป็นการออกกำลังกายไปในตัวด้วยครับ
วิวจากจุดชมวิวที่ พระราชวัง |
หลังจากที่ผมได้ออกจาก พระราชวัง ก็ได้แวะไหว้พระที่ "วัดถ้ำจักรพงษ์" ซึ่งมี "หลวงพ่อเหลือง" เป็นพระประธาน ข้าง ๆ หลวงพ่อเหลือง จะมีทางลงไปยังถ้ำอยู่ แต่ทางลงต้องระวังกันด้วยนะครับ เพราะไม่มีราวบันไดให้จับ จะเป็นบันได้ที่เป็นหินไม่กว้างนัก และค่อนข้างชัน
หลวงพ่อเหลือง พระประธาน |
เมื่อลงมาถึงข้างล่างสุด จะมีพระนอนอยู่ในถ้ำ ข้างนอกถ้ำก็จะมีพระพุทธรูปให้สักการะกันอีกด้วย ทางกลับขึ้นไป ไม่ต้องกลับขึ้นทางเดิมนะครับ จะมีบันได้ที่สะดวกกว่าให้อยู่บริเวณภายนอกถ้ำ ขากลับขึ้นมาถึง หลวงพ่อเหลือง จะมีรูปปั้นปู่ฤาษีอยู่ด้วย สักการะเพื่อความเป็นศิริมงคลกันด้วยนะครับ
ถัดจากวัดถ้ำจักรพงษ์ ผมได้มาแวะไหว้พระอีกหนึ่งที่ คือที่ "ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่" ก่อนขึ้นไปไหว้เจ้าพ่อเขาใหญ่ ทาง จนท.จะแนะนำให้ไหว้ข้างล่างก่อนครับ ซึ่งด้านล่างจะเป็น "เจ้าที่ ฟ้าดิน และก็เจ้าแม่กวนอิม" ครับ
และจะมีทางลงไปยังถ้ำ ข้างในจะมี ปู่พญานาคกับพญาเต่าเรือน สถิตย์อยู่ครับ
ขอตินิดหน่อยนะครับ ตอนที่ไหว้ ปู่พญานาคและพญาเต่าเรือน ภายในถ้ำ พอไหว้เสร็จแล้ว จะมีคนแก่ คอยคะยั้นคะยอให้เราทำบุญโดยเอาเงินใส่ตู้ ซึ่งผมดูแล้ว ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ครับ ถ้าผมจะเอาเงินหยอดตู้ ผมว่า ผมหยอดเองได้ครับ ไม่ต้องมาคะยั้นคะยอ แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง แกอาจจะอยากให้เรา ทำบุญแล้ว เอาโชคลาภกลับบ้านก็ได้ครับ แล้วแต่มุมมองของแต่ล่ะคน นะครับ
ทางขึ้นไหว้เจ้าพ่อเขาใหญ่ ค่อนข้างสูง สำหรับคนที่เดินไม่ไหว ทางศาลเจ้าจะมีรถรางไว้บริการเช่นกันครับ แต่น่าจะให้ทำบุญนะครับ สำหรับคนที่เดินขึ้นเช่นผม กลางทางระหว่างขึ้น ก็จะมีศาล 8 เซียน อยู่ด้วยครับ สามารถสักการะบูชากันได้ครับ
เมื่อขึ้นมาถึงแล้ว ก็สามารถไหว้ได้ตามทางเดินเลยครับ จะมีแต่เทพเจ้าจีนนะครับ โดยจะมี พระสังกัจจายน์ เจ้าแม่กวนอิม ไช่ซิงเอี้ย (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ) ไต่เสี่ย (เห้งเจีย) ข้างในสุดก็จะมี เจ้าพ่อเขาใหญ่ อยู่ครับ
เมื่อไหว้เสร็จแล้ว ขากลับลงมา ตรงข้ามกับศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ จะมีมูลนิธิคนชรา ของเกาะสีชังอยู่ โดยมูลนิธิจะเป็นตึกแถว 3 ห้องติดกัน ภายในมูลนิธีจะมีคนแก่ อาศัยอยู่ที่นั่น ดูแล้วก็น่าสงสารครับ ถ้าใครแวะไป ผมแนะนำให้บริจาคแก่ทางมูลนิธิด้วยนะครับ
หลังจากไหว้พระ ทำบุญ เพื่อเป็นศิริมงคลแล้ว เมื่อผมได้มองดูนาฬิกาในมือถือ ก็พบว่าเป็นเวลา 11 โมงแล้ว จึงได้ขับรถกลับโรงแรมกัน เพื่ออาบน้ำและเตรียมเช็คเอ๊าท์ออกจากโรงแรม ทำให้แพลนที่ผมวางไว้ คือ ช่องเขาขาดและรอยพระบาท นั้นตกไป (แอบเสียดายครับ)
ผมได้เช็คเอ๊าท์ออกก่อนเที่ยง และให้รถทางโรงแรมไปส่งที่ท่าเรือ เพื่อเดินทางกลับ ขานั่งเรือกลับ ผมได้บอกให้น้องผมไปนั่งด้านหลัง เพราะลมจะโกรก และอากาศถ่ายเทดีกว่าการนั่งใต้ท้องเรือ ขากลับผมก็นั่งหลับบนเรือตลอดทาง เลยอดถ่ายรูปสวย ๆ มาฝากกันครับ
เมื่อมาถึงท่าเรือแล้ว มีรถ 3 ล้อ รออยู่เต็มเลยครับ บอกทางรถ 3 ล้อ ว่าไปท่ารถตู้ได้เลยครับ จะมีท่ารถตู้ 2 ที่ครับ มีที่จะไปลงเอกมัย กับ ลงที่หมอชิต 2
ผมมาลงที่ หมอชิต 2 ค่ารถขากลับเข้ากรุงเทพฯ ถูกกว่าขาไปครับ ขาไป 150 บาท ขากลับ 120 บาทครับ
เป็นอีกทริปที่สนุกและเหนื่อยกับการเดินทางมากครับ แม้จะดูใกล้แต่ก็เดินทางหลายต่อเลยครับ ขึ้นรถตู้ ต่อรถ 3 ล้อ ต่อเรือ ตัวเกาะสีชังเองอาจจะไม่กว้างใหญ่นัก แต่ผมคิดว่า ถ้าเที่ยวแล้วอยากเก็บรายละเอียด วันหนึ่งน่าจะพอครับ แต่ต้องเป็นวันหนึ่งเต็ม ๆ นะครับ ส่วนผมมีบางที่ ๆ ยังไม่ได้ไป ถ้ามีโอกาสก็จะกลับมาเที่ยวอีกครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น